
15-17 Dec 06 หมู่เกาะสุรินทร์ในฝัน ในที่สุดก็ได้มาซักที @^_^@


เก้าโมงเช้า ลงสปีดโบ๊ทได้ซักที ยัยเชอนั่งใส่คอนแทคเลนส์ตั้งกะอยู่บนฝั่ง เกือบชั่วโมงใส่ได้ข้างเดียว อีกข้างไว้ไปใส่บนเกาะละกัน เฮ้อ...
ขอข้ามช็อตเล็กน้อย ขากลับใช้เวลาสองชั่วโมงเต็ม คลื่นสูงประมาณสองเมตร ผู้โดยสารเปียกปอนหัวจดเท้ากันไปทั้งลำ แถมอาการเมาคลื่นกลับไปต่อที่บ้านอีกสองวัน คุ้มจริงๆทัวร์นี้


กินเสร็จมีสัมมนากันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนแยกย้ายกันไปนอน ในเต้นท์ค่อนข้างร้อนอบอ้าว คนที่เกิดและเติบโตแถวยุโรปตอนเหนือคงนอนไม่ค่อยหลับกัน ถึงได้ยินเสียงคุยกันงุ๊งงิ๊งจากเต้นท์ข้างเคียงไปค่อนคืน (ถ้าฟังไม่ผิดมีนินทาชั้นด้วยใช่ไหม คุงชายเฮง คุงชายนัท) ฟังแบบหลับๆตื่นๆจนหลับจริงไปตอนไหนก็ไม่รุสิเรา
เจ็ดโมงกว่าฟ้าก็เริ่มเปิด ไชโย้ รีบไปอาบน้ำกินข้าว เตรียมตัวไปดำน้ำดีกว่า (ไม่ใช่สำนึกได้เองหรอก โดน Staff ทัวร์เดินมาตามให้ไปกินข้าวเช้าได้แล้ว ชาวบ้านเค้าไปกันหมดแล้ว)
แล้วก็จริงซะด้วย ช่วงบ่ายคลื่นลมแรงกว่าตอนเช้ามาก จนไม่สามารถลงดำน้ำที่บริเวณหินแพได้ แบบว่ามองลงไปในน้ำนี่คลื่นแรงมาก ถ้าต้องลงไปลอยอยู่ในนั้นคงตื่นเต้นเกินไป เรือเลยพาเราไปดำที่อ่าวเต่าแทน คลื่นแรงน้อยกว่าตรงหินแพ แต่ก็ยังรู้สึกถึงความแรงได้อยู่ และรู้สึกได้เลยว่าคนลากคู่บัดดี้คงทำงานลำบากขึ้นแยะ นอกจากต้องว่ายน้ำฝ่าคลื่นลมแล้ว ยัยสองคนนี่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยจะได้อีก เฮ้อ เหนื่อยแทน (แต่ก็ยังให้เค้าช่วยลากอยู่ดี ไม่ได้เกรงใจกันเล้ย ก็มันสบายกว่าว่ายเองนี่นา 555)
ตั้งใจจะกลับมาเล่นน้ำกันต่อที่หาดหน้าเต้นท์ แต่ทำไปทำมากลับชวนกันเดินออกลงทะเลไปเรื่อยๆ โดยเดินเลาะเลียบโขดหินริมฝั่งไป ประมาณว่าจะไปสำรวจดินแดนใหม่หรืองัยไม่รุ แรกๆก็ตื้นแค่เข่า เดินไปเดินมาชักลึกถึงคอ เรางี้เสียวชะมัด แถมยังเดินกันไปเรื่อยๆไม่มีจุดหมายอีกด้วย ข้าพเจ้าดันเป็นคนเดียวที่ว่ายน้ำไม่เป็น และรอบนี้ไม่มีชูชีพด้วย เกิดเดินๆไปแล้วขาไม่ถึงนี่เสร็จเลย รู้ตัวว่าประมาทเกินไป แต่มันก็รู้สึกปนสนุกและตื่นเต้นดี เห็นเพื่อนๆยังเดินกันต่อก็เดินตามเค้าไปละกัน


