Dec 26, 2006
Good Morning Andaman
Day 1 : ลงรถที่คุระบุรีแต่เช้าตรู่ กินอาหารเช้า เดินเล่นที่ตลาดคุระบุรี ตอนหกโมงเช้า
เพื่อนร่วมทริปที่หลวมตัวมากะเรารอบนี้ประกอบไปด้วย
น้องเจน-เสื้อเขียว เอ๊าะที่สุดในแก๊งค์ เป็นคนเดียวที่ยังไม่เหยียบเลขสาม (555 บอกชาวบ้านเค้าทำไมเนี่ยะเรา) หรือที่เฮงเรียกว่าวัยทอง เป็นสาวแกร่งปนอึด และเป็นคนเดียวที่ยัง loyalty กับเนสท์เล่
ยัยเชอรี่-เสื้อแดง working girl จากยูนิลิเวอร์ เป็นสาวอารมณ์ศิลปิน รักธรรมชาติ แต่ต้องอยู่ไม่เกิน 3 วัน กลับจากทริปนี้ต้องไปฝึกเล่นไพ่กับใส่คอนแทคเลนส์เพิ่มเติมอีกซักหน่อย เป็นศิษย์เก่าเนสท์เล่เหมือนเรา
เฮง หรือ ตาสมยศ-เสื้อดำ ชื่อเหมือนคนขับรถ ทำงานอยู่บริษัทผลิตรถจีเอ็ม อดีตศิษย์น้องสมัยอยู่เนสท์เล่ แต่อย่าไปสอนมันนะ เถียงแหลก มั่นใจในตัวเองสุดๆ ปากร้าย ช่างกระแนะกระแหน มองโลกในแง่ร้าย ฯลฯ ดีอยู่อย่างเดียวหน้าตาดีโคตรๆ (โกหกน่ะ 555)
นัท หรือชื่อเต็มว่า คุงชายนัท-เสื้อขาว วิศวกรจากจีเอ็ม เป็นคนเดียวที่ไม่เคยผ่านสถาบันเนสท์เล่ ก่อนมาออกตัวว่าอยู่บ้านเป็นคุณหนู อยู่ออฟฟิศเป็นคุณชาย เฮ้อ... - -" แต่จริงๆแล้วก็เป็นคนดีมีน้ำใจ(รึเปล่า) ถ้าใครซื้อ aveo แล้วมีปัญหาก็เชิญมาดักตีหัวได้ที่ Plant ระยองนะจ๊ะ
ทริปนี้ฮากันตั้งกะยังไม่ออกเดินทาง ยิงอีเมล์ป่วนกันวันละเป็นสิบฉบับ (ถึงกับมีคนออกปากว่าสงสารบริษัทที่ recruit แต่คนแบบพวกเรามา) ยิ่งใกล้วันเดินทางก็ต้องมาช่วยกันลุ้นพายุอูตอร์อีก ยังดีที่อ่อนกำลังลงและพัดเลยขึ้นเหนือไปซะก่อน สาธุ
Speed Boat
เก้าโมงเช้า ลงสปีดโบ๊ทได้ซักที ยัยเชอนั่งใส่คอนแทคเลนส์ตั้งกะอยู่บนฝั่ง เกือบชั่วโมงใส่ได้ข้างเดียว อีกข้างไว้ไปใส่บนเกาะละกัน เฮ้อ...
ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งจากแผ่นดินใหญ่ไปหมู่เกาะสุรินทร์ คลื่นลมกำลังดี แตกต่างจากตอนขากลับราวฟ้ากับดิน
ขอข้ามช็อตเล็กน้อย ขากลับใช้เวลาสองชั่วโมงเต็ม คลื่นสูงประมาณสองเมตร ผู้โดยสารเปียกปอนหัวจดเท้ากันไปทั้งลำ แถมอาการเมาคลื่นกลับไปต่อที่บ้านอีกสองวัน คุ้มจริงๆทัวร์นี้
ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งจากแผ่นดินใหญ่ไปหมู่เกาะสุรินทร์ คลื่นลมกำลังดี แตกต่างจากตอนขากลับราวฟ้ากับดิน
ขอข้ามช็อตเล็กน้อย ขากลับใช้เวลาสองชั่วโมงเต็ม คลื่นสูงประมาณสองเมตร ผู้โดยสารเปียกปอนหัวจดเท้ากันไปทั้งลำ แถมอาการเมาคลื่นกลับไปต่อที่บ้านอีกสองวัน คุ้มจริงๆทัวร์นี้
National Park
Snorkeling
ได้เวลาดำน้ำแล้ว วันนี้ได้สปีดโบ๊ทพาไปดำทั้งวัน ไฮโซกว่าเรือหางยาวเยอะเลย
เชอรี่จิ๊กกล้องถ่ายใต้น้ำยี่ห้อวาสลีนมาจากออฟฟิศด้วย แต่ไม่ค่อยเชื่อมือตัวเอง เลยให้นัทกะเฮงช่วยถ่ายให้ รูปออกมาไม่เลวก็พอดูได้นะ
ไดฟ์แรกที่อ่าวแม่ยาย ข้าพเจ้าก็เกือบลอยตุ๊บป่องหลุดออกนอกวงโคจร ออกนอกลู่นอกทางสู่มหาสมุทรอินเดียไปเสียแล้ว เดือดร้อนน้องเฮงต้องมาช่วยลากกลับไป ไดฟ์สองเลยไปทำหน้าตาเศร้าสร้อยใส่ staff เรือ เลยได้หนุ่มใต้ตัวดำแต่ใจดีคอยลากพาไปดำน้ำดูของสวยๆ รวมถึงชี้ให้ดูปลาฉลามตัวจ้อยไปตลอดวัน ไชโย้
ไดฟ์แรกที่อ่าวแม่ยาย ข้าพเจ้าก็เกือบลอยตุ๊บป่องหลุดออกนอกวงโคจร ออกนอกลู่นอกทางสู่มหาสมุทรอินเดียไปเสียแล้ว เดือดร้อนน้องเฮงต้องมาช่วยลากกลับไป ไดฟ์สองเลยไปทำหน้าตาเศร้าสร้อยใส่ staff เรือ เลยได้หนุ่มใต้ตัวดำแต่ใจดีคอยลากพาไปดำน้ำดูของสวยๆ รวมถึงชี้ให้ดูปลาฉลามตัวจ้อยไปตลอดวัน ไชโย้
ครึ่งวันแรกลงสองไดฟ์ ที่อ่าวแม่ยาย และอ่าวแม่ยายใต้ กลับขึ้นมากินข้าวกลางวันบนเกาะ แล้วลงดำต่อที่เกาะตอรินลา กับอ่าวผักกาด (ถูกมั้ยอ่ะ ไม่แน่ใจ ถ้าผิดก็โปรดอภัย)
Seminar
ขึ้นจากน้ำบ่ายสามกว่า จัดงานสัมมนาหน้าเต้นท์ กินขนม และเม้าท์กระจายตั้งกะเรื่องสากกะเบือยันเรือรบ รวมถึงเปิดเผยความลับทางการเงินของบริษัทชั้นนำอย่างเนสท์เล่ ยูนิลิเวอร์ เทสโก้ ฟอร์ด และจีเอ็ม รวมถึงความลับทางวิศวกรรมในแง่ความเป็นรถรักบ้านของ aveo ด้วย (ไม่ยอมออกจากบ้าน เพราะสตาร์ทไม่ติด-สันนิษฐานโดยน้องเจน)
น้องเจนร้องหงิงหงิงอยากไปเดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติ แต่บรรดาลุงๆป้าๆวัยทองทั้งหลายเกิดรากงอก ไม่ยอมกระดุกกระดิกออกจากวงสนทนา แถมผลัดวันประกันพรุ่ง พอให้พ้นๆไป เลยอดไปตามระเบียบนะน้องจ๋า
Sunset
Dinner
ดินเนอร์กันที่โรงอาหารของอุทยาน เค้าจัดเป็นอาหารชุดสำหรับ 5 คน กับข้าว 4 อย่าง กับสัปปะรดภูเก็ต กินกันอย่างนี้แทบทุกมื้อ แต่ก็กินกันเอร็ดอร่อยทุกที
กินเสร็จมีสัมมนากันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนแยกย้ายกันไปนอน ในเต้นท์ค่อนข้างร้อนอบอ้าว คนที่เกิดและเติบโตแถวยุโรปตอนเหนือคงนอนไม่ค่อยหลับกัน ถึงได้ยินเสียงคุยกันงุ๊งงิ๊งจากเต้นท์ข้างเคียงไปค่อนคืน (ถ้าฟังไม่ผิดมีนินทาชั้นด้วยใช่ไหม คุงชายเฮง คุงชายนัท) ฟังแบบหลับๆตื่นๆจนหลับจริงไปตอนไหนก็ไม่รุสิเรา
กินเสร็จมีสัมมนากันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนแยกย้ายกันไปนอน ในเต้นท์ค่อนข้างร้อนอบอ้าว คนที่เกิดและเติบโตแถวยุโรปตอนเหนือคงนอนไม่ค่อยหลับกัน ถึงได้ยินเสียงคุยกันงุ๊งงิ๊งจากเต้นท์ข้างเคียงไปค่อนคืน (ถ้าฟังไม่ผิดมีนินทาชั้นด้วยใช่ไหม คุงชายเฮง คุงชายนัท) ฟังแบบหลับๆตื่นๆจนหลับจริงไปตอนไหนก็ไม่รุสิเรา
Rainy Morning
Sky & Tomatos
เจ็ดโมงกว่าฟ้าก็เริ่มเปิด ไชโย้ รีบไปอาบน้ำกินข้าว เตรียมตัวไปดำน้ำดีกว่า (ไม่ใช่สำนึกได้เองหรอก โดน Staff ทัวร์เดินมาตามให้ไปกินข้าวเช้าได้แล้ว ชาวบ้านเค้าไปกันหมดแล้ว)
อาหารเช้าเป็น American Breakfast ซะด้วย มัวแต่กินเลยลืมถ่ายรูปไว้
แล้วก็เกิด 'วีรกรรมมะเขือเทศ' ขึ้นที่นี่ ระหว่างน้องเจนกะคุงชายนัท เมื่อน้องเจนกินของตัวเองหมดก็เริ่มรุกรานมะเขือเทศในจานเพื่อนบ้าน เริ่มจากจานของคุงชายเฮง ซึ่งคุงชายเฮงผู้แสนดีก็แนะนำให้ต่อไปยังจานคุงชายนัท ได้ฟังดังนั้น คุงชายนัทก็เริ่มกินมะเขือเทศในจานตัวเองจนหมดทันที ทั้งๆที่ปกติไม่ชอบกิน เป็นผลให้สมาชิกบนโต๊ะอาหารต่างทึ่งและอึ้งในความกล้าหาญครั้งนี้กันถ้วนหน้า
อาหารเช้าเป็น American Breakfast ซะด้วย มัวแต่กินเลยลืมถ่ายรูปไว้
แล้วก็เกิด 'วีรกรรมมะเขือเทศ' ขึ้นที่นี่ ระหว่างน้องเจนกะคุงชายนัท เมื่อน้องเจนกินของตัวเองหมดก็เริ่มรุกรานมะเขือเทศในจานเพื่อนบ้าน เริ่มจากจานของคุงชายเฮง ซึ่งคุงชายเฮงผู้แสนดีก็แนะนำให้ต่อไปยังจานคุงชายนัท ได้ฟังดังนั้น คุงชายนัทก็เริ่มกินมะเขือเทศในจานตัวเองจนหมดทันที ทั้งๆที่ปกติไม่ชอบกิน เป็นผลให้สมาชิกบนโต๊ะอาหารต่างทึ่งและอึ้งในความกล้าหาญครั้งนี้กันถ้วนหน้า
On Board
เก้าโมงเช้าโดนต้อนขึ้นเรือหางยาว เริ่มไดฟ์แรกที่อ่าวไม้งาม (เชอรี่พัฒนาขึ้นใส่คอนแทคเลนส์เร็วกว่าเมื่อวานสิบนาที)
วันนี้ยัยเชอมาขอเป็นบัดดี้ ดำน้ำไปพร้อมกัน เพื่อความอุ่นใจ เราทำเล่นตัวเล็กน้อย (นี่ขนาดว่ายน้ำไม่เป็นนะเนี่ยะ ยังทำซ่าเล่นตัวไม่ยอมมีบัดดี้ 555) ที่จริงแล้วกลัวจะลากพาเพื่อนออกนอกสุริยะจักรวาลไปด้วยกันน่ะ คุงชายนัทเห็นท่าทางป้อแป้ของบัดดี้คู่นี้แล้วคงเกิดอาการเวทนาปนสงสาร เลยมาช่วยลากพาไปดูปะการังให้ทั้งวันเลย ซาบซึ้งใจจิงๆจ้า
วันนี้ยัยเชอมาขอเป็นบัดดี้ ดำน้ำไปพร้อมกัน เพื่อความอุ่นใจ เราทำเล่นตัวเล็กน้อย (นี่ขนาดว่ายน้ำไม่เป็นนะเนี่ยะ ยังทำซ่าเล่นตัวไม่ยอมมีบัดดี้ 555) ที่จริงแล้วกลัวจะลากพาเพื่อนออกนอกสุริยะจักรวาลไปด้วยกันน่ะ คุงชายนัทเห็นท่าทางป้อแป้ของบัดดี้คู่นี้แล้วคงเกิดอาการเวทนาปนสงสาร เลยมาช่วยลากพาไปดูปะการังให้ทั้งวันเลย ซาบซึ้งใจจิงๆจ้า
Shower I
Lunch
Precious Time
Morgan Pole
Dec 25, 2006
Miss Photogenic
Trail
Show Up
Last Dive
แล้วก็จริงซะด้วย ช่วงบ่ายคลื่นลมแรงกว่าตอนเช้ามาก จนไม่สามารถลงดำน้ำที่บริเวณหินแพได้ แบบว่ามองลงไปในน้ำนี่คลื่นแรงมาก ถ้าต้องลงไปลอยอยู่ในนั้นคงตื่นเต้นเกินไป เรือเลยพาเราไปดำที่อ่าวเต่าแทน คลื่นแรงน้อยกว่าตรงหินแพ แต่ก็ยังรู้สึกถึงความแรงได้อยู่ และรู้สึกได้เลยว่าคนลากคู่บัดดี้คงทำงานลำบากขึ้นแยะ นอกจากต้องว่ายน้ำฝ่าคลื่นลมแล้ว ยัยสองคนนี่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยจะได้อีก เฮ้อ เหนื่อยแทน (แต่ก็ยังให้เค้าช่วยลากอยู่ดี ไม่ได้เกรงใจกันเล้ย ก็มันสบายกว่าว่ายเองนี่นา 555)
A Small Adventure
ตั้งใจจะกลับมาเล่นน้ำกันต่อที่หาดหน้าเต้นท์ แต่ทำไปทำมากลับชวนกันเดินออกลงทะเลไปเรื่อยๆ โดยเดินเลาะเลียบโขดหินริมฝั่งไป ประมาณว่าจะไปสำรวจดินแดนใหม่หรืองัยไม่รุ แรกๆก็ตื้นแค่เข่า เดินไปเดินมาชักลึกถึงคอ เรางี้เสียวชะมัด แถมยังเดินกันไปเรื่อยๆไม่มีจุดหมายอีกด้วย ข้าพเจ้าดันเป็นคนเดียวที่ว่ายน้ำไม่เป็น และรอบนี้ไม่มีชูชีพด้วย เกิดเดินๆไปแล้วขาไม่ถึงนี่เสร็จเลย รู้ตัวว่าประมาทเกินไป แต่มันก็รู้สึกปนสนุกและตื่นเต้นดี เห็นเพื่อนๆยังเดินกันต่อก็เดินตามเค้าไปละกัน
ที่สุดก็เดินไปจนถึงอ่าวกระทิง ชายหาดที่เห็นได้ลิบๆนู่นจากหน้าเต้นท์ของเรา เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกของที่นี่ วิวสวยมาก หาดก็สงบดี เสียดายที่ไม่ได้เอากล้องกันมาซักคน เพราะตอนแรกคิดว่าจะลงเล่นน้ำเฉยๆ มีการแกล้งเกี่ยงกันให้เดินกลับไปเอากล้องมา แต่ใครจะไปล่ะมันไม่ใช่ใกล้ๆนี่นา อ่าวกระทิงตั้งชื่อตามต้นกระทิงขนาดใหญ่หน้าหาด ไม่ได้มีกระทิงที่เป็นสิงสาราสัตว์แต่อย่างใด
มีคนเสนอให้กลับทางบก ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับเส้นทางศึกษาธรรมชาติ แต่มันเป็นเส้นทางในป่า สองหนุ่มไม่ได้ใส่เสื้อมาด้วยเลยไม่สะดวกใจจะเดินเข้าป่าแบบเปลือยๆ แถมไฟฉายก็ไม่มี ทางก็ไม่รู้จัก ดูเสี่ยงเอาการ เลยตัดสินใจมาทางไหนกลับทางนั้น และต้องรีบกลับด้วย เพราะน้ำชักขึ้นกว่าตอนขามาซะแล้ว เลยต้องบอกลาอ่าวกระทิงกันก่อนที่พระอาทิตย์จะตก
ขากลับน้ำสูงขึ้นจริงๆซะด้วย แต่น้องเจนผู้ห้าวหาญบึกบึนก็เดินนำหน้าไปซะไกลลิบ ปล่อยให้ลุงๆป้าๆวัยทองเดินกระย่องกระแย่งตามหลังไปห่างๆ (จริงๆคือสองลุงเค้าต้องอยู่คอยประคองสองป้าที่ทำท่าจะสำลักน้ำตายอยู่รอมร่อน่ะเอง) น้องเจนคงยังไม่รู้ มีคนตั้งข้อสังเกตว่าท่าทางน้องเจนคงหิวข้าวมากถึงรีบเดินนำลิ่วไปซะขนาดนั้น อิอิ สรุปไปกลับใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงเห็นจะได้ เป็นการผจญภัยเล็กๆ ที่สนุกสนานปนหวาดเสียว (สงสัยเราจะหวาดเสียวอยู่คนเดียว) ก่อนอาหารค่ำ
ที่สุดก็เดินไปจนถึงอ่าวกระทิง ชายหาดที่เห็นได้ลิบๆนู่นจากหน้าเต้นท์ของเรา เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกของที่นี่ วิวสวยมาก หาดก็สงบดี เสียดายที่ไม่ได้เอากล้องกันมาซักคน เพราะตอนแรกคิดว่าจะลงเล่นน้ำเฉยๆ มีการแกล้งเกี่ยงกันให้เดินกลับไปเอากล้องมา แต่ใครจะไปล่ะมันไม่ใช่ใกล้ๆนี่นา อ่าวกระทิงตั้งชื่อตามต้นกระทิงขนาดใหญ่หน้าหาด ไม่ได้มีกระทิงที่เป็นสิงสาราสัตว์แต่อย่างใด
มีคนเสนอให้กลับทางบก ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับเส้นทางศึกษาธรรมชาติ แต่มันเป็นเส้นทางในป่า สองหนุ่มไม่ได้ใส่เสื้อมาด้วยเลยไม่สะดวกใจจะเดินเข้าป่าแบบเปลือยๆ แถมไฟฉายก็ไม่มี ทางก็ไม่รู้จัก ดูเสี่ยงเอาการ เลยตัดสินใจมาทางไหนกลับทางนั้น และต้องรีบกลับด้วย เพราะน้ำชักขึ้นกว่าตอนขามาซะแล้ว เลยต้องบอกลาอ่าวกระทิงกันก่อนที่พระอาทิตย์จะตก
ขากลับน้ำสูงขึ้นจริงๆซะด้วย แต่น้องเจนผู้ห้าวหาญบึกบึนก็เดินนำหน้าไปซะไกลลิบ ปล่อยให้ลุงๆป้าๆวัยทองเดินกระย่องกระแย่งตามหลังไปห่างๆ (จริงๆคือสองลุงเค้าต้องอยู่คอยประคองสองป้าที่ทำท่าจะสำลักน้ำตายอยู่รอมร่อน่ะเอง) น้องเจนคงยังไม่รู้ มีคนตั้งข้อสังเกตว่าท่าทางน้องเจนคงหิวข้าวมากถึงรีบเดินนำลิ่วไปซะขนาดนั้น อิอิ สรุปไปกลับใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงเห็นจะได้ เป็นการผจญภัยเล็กๆ ที่สนุกสนานปนหวาดเสียว (สงสัยเราจะหวาดเสียวอยู่คนเดียว) ก่อนอาหารค่ำ
Dinner
ได้เวลาอาหารเย็น หน้าตาน่ากินจัง บ่ายนี้โต้คลื่นซะเหนื่อย แล้วยังเดินลุยน้ำไปถึงอ่าวกระทิงอีก กินกันเยอะๆหน่อยนะ
หลังอาหาร ก็หอบไพ่มาเล่นกันในโรงอาหารนั่นเอง เพราะที่เต้นท์มืดไม่มีไฟ เฮงสอนให้เล่นไพ่โกหก ไม่เคยเล่นมาก่อนแต่ก็สนุกดี ใครไพ่หมดก่อนจะชนะ
ขำเชอรี่มากๆ ท่าทางจะโกหกไม่ค่อยเก่งไพ่เลยเต็มจนล้นมือ แถมยังตั้งหน้าตั้งตาจะจับโกหกเฮงให้จงได้ แต่ยิ่งจับก็ยิ่งผิด ไพ่เลยล้นจนไม่มีมือจะถือ เชื่อแล้วว่าไม่ถนัดกีฬาชนิดนี้จริงๆ (ไพ่นับเป็นกีฬาได้มั้ยเนี่ยะ)
ทั้งเล่นทั้งเม้าท์กันจนสี่ทุ่มกว่า เลยเวลาปิดไฟแล้ว โรงอาหารเหลือเราอยู่กลุ่มเดียว Staff เค้าคงเกรงใจไม่กล้ามาไล่ พอพวกเรารู้ตัวเลยลนลานรีบเก็บข้าวของกลับเต้นท์กันใหญ่
Surprised BD Cake
Day 3 : วันที่ 17 ธันวา 2549 เวลา 0.01 น. นัทกับเฮงมาเรียกหน้าเต้นท์พร้อมเซอร์ไพรส์ด้วยเค้กวันเกิดแบบฉุกเฉิน!? เพื่อนๆน่ารักจริงๆ ^_^ แต่ร้องเพลงเสียงเบากันหน่อยจิเดี๋ยวข้างบ้านตื่นมาด่า อ๊ะ..ขออธิษฐานก่อนเป่าเทียนนะ
ตอนหลังนัทเล่าให้ฟังว่ากว่าจะหาเทียนได้ลำบากขนาดไหน บนเกาะไม่มีเทียนขาย และไม่มีให้ยืมด้วย เพราะเค้ากลัวทำเต้นท์เค้าไหม้ (แต่ดันมีไฟแช็คขาย -*-) เห็นว่าไปวนเวียนถามหาอยู่หลายรอบ จนเกือบหมดหวังแล้ว พอดีระหว่างทางเดินกลับเต้นท์ ผ่านเต้นท์ชาวบ้านที่เค้าเอาเทียนมาด้วย พวกท่านเลยขอเค้ามาหน้าตาเฉยเลย
เพื่อนเริ่มไม่น่ารักตอนที่จะบังคับให้ขนเค้กจำเป็นก้อนนั้นกลับบ้านด้วยนี่แหละ เลยบอกให้ช่วยกันกินให้หมดแทนละกันนะจ๊ะ 555
Beautiful Morning
Children
Subscribe to:
Posts (Atom)