Jun 30, 2008

Arashiyama

Back to Kyoto in late afternoon, heading to Arashiyama where we missed yesterday. A small pleasant district in Kyoto's outskirt.


กลับเข้าเกียวโตบ่ายแก่ๆ ดูเวลาน่าจะยังพอไปเที่ยวอาราชิยาม่าที่พลาดไปเมื่อวานได้ เอ้า วิ่ง เดี๋ยวจะพลาดรถไฟสายโรแมนติกเที่ยวสุดท้ายนะ

Romantic Train

Very lucky, we catched the last Sagano Romantic Train on time. This is a scenic train with open air car, a way to view a scenic Arashiyama district.


โชคดีชะมัด มาทันเวลารถไฟสายโรแมนติกเที่ยวสุดท้าย เป็นรถไฟชมวิวที่มีโบกี้แบบ open air ให้นั่งชมวิวของอาราชิยาม่า ผ่านแม่น้ำและป่าเขาที่ดูในรูปแล้วสวยสุดๆในช่วงซากุระและใบไม้ร่วง (แน่นอน..ไม่ใช่ช่วงที่เราไปหรอก 555)




Bamboo Groves

Get off the train, walked through the bamboo groves. Took a short break in a tiny shrine on the way. Get loss a little bit, but here was the real pleasant places to visit.
ลงจากรถไฟก่อนกลับถึงสถานีต้นทางป้ายนึง กะเดินเท้าสำรวจกันเล็กน้อย งมกันไปจนเจอป่าไผ่ กะศาลเจ้าเล็กๆ อาราชิย่ายามเย็นค่อนข้างเงียบและร้างผู้คน แผนที่ที่เค้าแจกมาก็ดูย๊ากยาก เดินหลงป่าเกือบแย่ - -" แต่เป็นที่ที่บรรยากาศดีจริงๆ เสียดายมาถึงเย็นไปหน่อย ตอนหลงเลยลนลานเล็กน้อย กลัวต้องค้างในป่า 555

Mont-Blanc

'Mont-Blanc' famous bakery in Kyoto Station, recommended by Noriko. It was sold out yesterday, we was back agian to finish it finally. ha ha ha

เมื่อวานที่สถานีเกียวโต โนริโกะชี้ให้ดูว่าขนมมงบลังต์เจ้านี้อร่อยและมีชื่อ เสียดายที่ขายหมดซะแล้ว แต่เราไม่ยอมรามือ หวนกลับมาอีกในเย็นนี้หลังกลับจากอาราชิยาม่า และได้กินสมดังใจในที่สุด 555





Ramen

Ramen dinner at Kyoto Station again.


มื้อเย็นวันนี้กลับมากินราเมงกันอีกรอบที่สถานีเกียวโตนี่แหละ แต่ร้านเมื่อวานอร่อยกว่าเนอะ ซู้ด... (เสียงสูดราเมง)


Hiroshima

Day 4 : Started using 7-day JR Pass. Shinkansen Hikari took 1.46 hr. from Kyoto to Hiroshima. I fall in love with Japan's railway system.

วันที่สี่ : ออกจากเกียวโตแต่เช้าตรู่ เริ่มใช้บัตรเบ่ง JR pass นั่งชินคันเซนลงใต้ไปฮิโรชิมา (ถ้าซื้อตั๋วรถไฟเป็นเที่ยวๆมีหวังหมดตัวก่อนแน่) รักระบบรถไฟญี่ปุ่นจิงจิ๊ง สะดวกรวดเร็วตรงเวลา สะอาดและประสิทธิภาพสูงสุดๆ (มองไปที่หัวลำโพง เห้อ...)


Hiroshima city uses Trams. Environment friendly.

เมืองฮิโรชิมาใช้รถรางล่ะ ดูคลาสสิคดี แล้วยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

Search for the way to A-Bomb Dome.

คลำทางไปเที่ยวในตัวเมืองฮิโรชิมา เดินทางภายในเมืองแสนสะดวกด้วยรถราง

A-Bomb Dome

A sunshine day. Atomic bomb dome is the rest from the unforgettble past of Hiroshima. Rest in peace.

ฟ้าใสแดดจ้า เรามาถึง Atomic bomb dome เศษซากที่เหลืออยู่จากอดีตที่ลืมไม่ลงของฮิโรชิมา เมื่อไหร่ชาวโลกจะได้เรียนรู้จากบทเรียนหน้านี้กันเสียที

จากประวัติที่อ่านเจอ บริเวณนี้ถูกระเบิดนิวเคลียร์ถล่มใส่ จนราบเป็นหน้ากลอง (ดู model จำลองก่อนและหลังระเบิดได้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งสันติภาพ) ตึกหลังนี้เคยเป็นหอการค้าของจังหวัดฮิโรชิมามาก่อน เป็นตึกหลังเดียวที่เหลือรอดจากการระเบิดครั้งนั้น (แต่ก็เหลือในสภาพโครงอย่างที่เห็น)

หลังสงครามก่อนสร้างบ้านแปลงเมืองกันใหม่ ทางคณะกรรมการเมืองช่วยกันลงความเห็นว่าควรจะเก็บตึกนี้ไว้ หรือจะทำลายทิ้งไม่
ต้องเหลือให้เห็นทิ่มแทงใจกันอีกต่อไป

จากการลงมติ ก็ตกลงกันว่าจะเก็บมันไว้เป็นอนุสรณ์เตือนใจแก่ชนรุ่นหลัง ว่าสงครามไม่เคยให้อะไรกับเราเลย นอกจากความสูญเสีย ขอสันติภาพและความสงบสุขจงอยู่กับโลกเราด้วยเถิด

Sadako And The Paper Cranes

Children's peace memorial is in peace memorial park. This is for Sadako Sasaki and other children who died from Leukemia, an atom bomb disease. Sadako's story with her 1000 paper cranes is so sad.

ใครไม่เคยได้ยินเรื่องของซาดาโกะกับนกกะเรียนพันตัว คงอาศัยอยู่นอกโลกเป็นแน่ ทุกวันนี้ก็ยังมีผู้คนจากทั่วโลกพับนกกะเรียนมาให้หนูน้อยซาดาโกะกันเต็มตู้ไปหมด อนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นให้กับซาดาโกะและเด็กๆที่เสียชีวิตจากผลของระเบิดในครั้งนั้น

Peace Memorial Museum

We spent more than 2 hours in Peace Memorial Museum. It is very interesting place. I saw a Japanese women who stood beside me in front of a window display was crying. The windows display many stuffs remain from the bomb day.

ตีตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งสันติภาพ ใช้เวลาไปสองชั่วโมงเศษ เค้าจัดพิพิธภัณฑ์ได้น่าสนใจมากๆ เรียงลำดับเหตุการณ์ก่อนและหลังวันบอมบ์ จำลองสภาพบ้านเมืองก่อนและหลังระเบิด ได้ยินเสียงหญิงชาวญี่ปุ่นคนนึงยืนสูดน้ำมูกอยู่ข้างๆ ตอนยืนอยู่หน้าตู้แสดงเศษซากเสื้อผ้านักเรียนขาดวิ่นทำเอาจิตตกตามไปด้วย
แต่สิ่งที่เรารู้สึกประทับใจที่สุดก็คือ ความเข้มแข็งและอดทนต่อความยากลำบากของคนญี่ปุ่น หลังระเบิดพวกเค้าร่วมแรงร่วมใจปัดกวาดและสร้างบ้านเมืองของเค้าขึ้นมาใหม่ได้อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นฮิโรชิมาที่สวยงามและสงบสุขในทุกวันนี้














Kintaikyo

Kintaikyo (kyo = bridge), I saw this bridge many times from calendar and poster to promote Japan's tourism. The real one is beautiful but the bridge in poster is more beautiful. ha ha ha


สะพานไม้คินไตเคียว สะพานไม้ 5 โค้งที่ไม่ใช้ตะปูซักตัวเดียว ต้องดั้นด้นนั่งรถไฟต่อรถเมล์ออกมาจากเมืองฮิโรชิมา ภาพสะพานนี้ถูกเอาไปทำพวกปฏิทินหรือโปสเตอร์โฆษณาการท่องเที่ยวญี่ปุ่นบ่อยมากๆ แต่ทำไมเราถ่ายมาไม่ยักงามเหมือนโปสเตอร์ที่เค้าเอามาหลอกเราล่ะ 555

Ferry

From Miyajimaguchi pier, a ferry let us to Miyajima island to prove the 1 of 3 most scenic views of Japan by ourselves.

ลงใต้มาฮิโรชิมาเพราะเค้าบอกกันว่า ที่เกาะมิยาจิมาเป็นสถานที่ที่วิวสวยที่สุด 1 ใน 3 แห่งของญี่ปุ่นแท้ๆทีเดียว แล้วเฟอรี่ลำโตก็กำลังพาเราข้ามไปดูให้เห็นกับตา

See a floating giant red torii, we nearly reach Miyajima Island.


มองเห็นเสาสีแดงใหญ่กลางน้ำ สัญลักษณ์ของเกาะเมื่อไหร่ เราก็ใกล้ถึงแล้วล่ะ

Miyajima Island

Miyajima, literally shrine island, has been revered as a sacred island for long time. Evening sunshine made this island so beautiful and charming.


มิยาจิมาแปลกันตามตัวอักษรก็คือเกาะแห่งศาลเจ้า เป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งของศาลเจ้ากลางน้ำเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแก่เทพเจ้าที่ชาวญี่ปุ่นนับถือ ข้ามมาถึงเกาะช่วงเย็นๆ เดินจากท่าเรือเลียบชายฝั่งไปศาลเจ้า แสงแดดและบรรยากาศยามเย็นทำให้เกาะนี้ดูร่มรื่นสวยงามจริงๆ




Shrine's Ticket

Reached the shrine very late, it was nearly close, hurry up, ticket was ready in hand.


มัวแต่เดินกินลมชมวิว มาถึงศาลเจ้าก็เกือบได้เวลาปิดซะแล้ว มาเร็วเข้า ตั๋วพร้อมแล้วจ้า

Itsukushima Shrine

Itsukushima, heart of Miyajima island, is partially constructed over water (the evening is low tide).


หัวใจของเกาะมิยาจิมา (หมายถึงว่ามันสำคัญ ไม่ใช่ว่ามันอยู่ตรงกลางเกาะเน้อ) บางส่วนสร้างยื่นลงไปในน้ำ แต่ตอนนี้น้ำลงจ้ะ ตอนน้ำขึ้นจะเห็นศาลเจ้าลอยอยู่บนน้ำสวยงามตระการตา แต่ไปหาดูเอาตามโปสเตอร์นะ ข้าพเจ้าเองก็ไม่เห็นเหมือนกัน ฮือ..

Jukeiso Ryokan

Overnight in a nice and warm Ryokan on the island. Its cost included 1 dinner and 1 breakfast (12,705 Yen/person). Housekeeper brough us welcome green tea and snack. We could see the floating torii from the window and tried Ofuro first time of my life ;)


ทุ่มทุนสร้างสุดตัว คืนนี้นอนเรียวกังบนเกาะมิยาจิมา แพ็คเก็จรวมอาหารสองมื้อ คนละ 12,705 เยน (เงินบาทก็หาร 3 เอาเองนะ) พอมาถึงคุณแม่บ้านก็เอาน้ำชากะขนมมาเสิร์ฟ ได้ห้องวิวดีมองเห็นโทริอิกลางน้ำแต่ไกลซะด้วย คืนนี้ได้แช่ออนเซ็นห้องอาบน้ำรวมเป็นครั้งแรก โชคดี (หรือโชคร้าย!?) ตอนเราอาบไม่มีแขกคนอื่นซักกะคนเดียว อดดู+อดโชว์ 555
Japanese dinner set in Japnese dress, yukata. Oyster is the most famous food here.

อาบน้ำแบบหวิวๆ (เพราะกลัวมีหัวคนอื่นโผล่เข้ามาร่วมวง) ก็ใส่ยูคาตะลงมากินข้าวเย็น เซ็ทใครเซ็ทมัน มีอาหารเยอะแยะมากมายจำไม่หวาดไม่ไหว แต่ทุกมื้อมีหอยนางรมสด และ/หรือ ปรุงสุกร่วมมาด้วย นับเป็นอาหารขึ้นชื่อของเกาะ

Good Night and Sweet Dream

We'd got the floating red torii, light up in the night as a digestive view. Then go to bed and sleep well.

ออกมานั่งดูเสาแดงกลางน้ำหลังอาหาร กับนั่งนิ่งๆซึมซับบรรยากาศ (ไม่ยักกะมีดาวให้นับ มีแต่แสงไฟจากฝั่งเมืองฮิโรชิมา) จนดึกพอสมควรก็กลับเข้านอน แม่บ้านปูที่นอนเตรียมไว้ให้ซะน่านอนเชียว