Jul 1, 2008

Trip Review VII : Dream Destination - Japan

One of my dream destination 'Japan'. From long term plan becomes real plan, 11 days (9-20 May 2008) of fantasic route!

เคยมั้ยที่อยากทำอะไรอย่างนึง ซึ่งมันก็ไม่น่าเกินความสามารถอะไร แต่ทำไมจนแล้วจนรอดก็ทำไม่สำเร็จซักที
ติดๆขัดๆนู่นๆนี่ๆมาหลายปี แล้วก็ได้ไปถึงเจแปนซักทีจนได้ จัดโปรแกรมมั่วซั่วตามใจตัวเองสุดๆ เต็มเอี้ยด 11 วัน คัดเลือกเมืองที่อยากไป เข้ารอบ ตัดออก เสียบเข้าไปใหม่ ยิ่งกว่าประกวดนางงามซะอีก

By Singapore airlines to Kansai airport, our plan started on May 9.
Day 1-3 To visit historical cities, Kyoto&Nara
Day 4-5 Overnight in Miyajima Island, 1 of Japan's 3 most scenic views in a peaceful city, Hiroshima
Day 6-7 Touching lovely Takayama, 'Little Kyoto' and Shirakawago, 'World heritage village'
Day 8 Fantastic Tateyama Kurobe Alpine Route, highlight of this trip!
Day 9 Short visit Matsumoto and Nogoya before return to lively Osaka
Day 10 Day trip to Himeji and sit around Kobe port, chic and cool place, and end of the day by Okonomiyaki meal with my lovely Japanese friends.
Day 11 Last shopping in Osaka until late night, then return to Bangkok by Thai airways.

ได้ตั๋วโปร SQ สิงคโปร์แอร์ไลน์คุ้มสุดๆ ขึ้นลงที่คันไซแอร์พอร์ต
สามวันแรกปักหลักนอนที่เกียวโต เที่ยวเมืองหลวงเก่าอย่างเกียวโตและนารา เจอแต่วัดกับสายฝนเย็นชุ่มฉ่ำ
วันที่สี่ เริ่มสตาร์ทเจอาร์พาส ลงใต้ไปฮิโรชิม่าในวันที่ฟ้าสวยสุดใจ แถมยังได้นอนเรียวกังบนเกาะมิยาจิม่าสุดไฮโซ
วันที่ห้า มุ่งหน้าย้อนกลับภาคกลาง นั่งรถไฟห้าชั่วโมงรวด คืนนี้นอนวัดใกล้สถานีรถไฟทาคายาม่า
วันที่หก ชิลด์ๆในลิตเติ้ลเกียวโต เมืองเก่าทาคายามา เดินไปชิมไปแสนจะสบายใจ
วันที่เจ็ด เยือนหมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวาโกะ กับอากาศดีๆ วิวเขียวๆ 360 องศา
วันที่แปด ตื่นตาตื่นใจกับแอลไพน์รูท ไฮไลท์สุดๆของทริป ไม่เสียแรงที่ดั้นด้นมา
วันที่เก้า เที่ยวปราสาทดำมัตซูโมโต้ ผ่านนาโงย่า ชิมของอร่อย แล้วกลับสู่แสงสีในโอซาก้า
วันที่สิบ Day trip ปราสาทขาวฮิเมจิ นั่งรับลมทะเลริมอ่าวโกเบ ปิดท้ายด้วยดินเนอร์โอโคโนมิยากิแสนอร่อย
วันสุดท้าย ช้อปปิ้งทั้งของฝากของตัวในโอซาก้า ก่อนบินกลับด้วย TG (เพราะ SQ ยกเลิกเที่ยวบิน) ตอนตีหนึ่ง เป็นเวลาที่เหนื่อยจนแทบหมดสภาพอยากกลับบ้านนอน แต่อีกใจก็ยังอาลัยอาวรณ์ญี่ปุ่นเหลือหลาย..

No comments: